วันจันทร์ที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

การชิลด์ (shielding) มีความคำสัญอย่างไรต่อการวัด

การชิลด์ (shielding) มีความคำสัญอย่างไรต่อการวัด 
                
     เนื่องจากในการวัดทางความจริงแล้วจะมีแหล่งกำเนิดสัญญาณที่ไม่ต้องการบางชนิด จะแผ่รังสีสนามแม่เหล็กที่มีอิทธิพลเหนือกว่า ตัวอย่างแหล่งเหล่านี้ คือ มอเตอร์ หม้อแปลงไฟฟ้ากำลัง (power transformer) จอภาพชนิดหลอด (CRT) และจอแสดงผลของเครื่องมือวัด เมื่อไรก็ตามที่วงจรไวต่อการรบกวนเข้าใกล้หม้อแปลงไฟฟ้าหรือวงจรที่มีกระแสสูงสุดที่สูง มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดการคับปลิ้ง (เชื่อมต่อ) กันด้วยสนามแม่เหล็ก ซึ่งสามารถเป็นเหตุให้การวัด หรือแหล่งจ่ายสัญญาณผิดพลาดได้ตัวอย่างเช่น หม้อแปลงไฟฟ้าสามารถเหนี่ยวนำสัญญาณกวนชนิดไฟฟ้ากระแสสลับที่ไม่ต้องการสู่วงจรสัญญาณต่ำ ไม่ว่าวงจรนั้นจะอยู่ในตัวเองหรืออยู่ในเครื่องมือวัดที่อยู่ข้างเคียง สัญญาณกวนดังกล่าวสามารถเป็นภาระเกินของวงจรไวสัญญาณชนิดกระแสตรงแถบความถี่แคบ กำรสอบเทียบที่กระทำที่ความถี่เดียวกันกับแหล่งจ่ายไฟฟ้าอาจเกิดการตีกันของสัญญาณ โดยที่สัญญาณรบกวนจากแหล่งจ่ายสัญญาณแรงดันจะผสมกับสัญญาณที่ทำการวัด การผสมสัญญาณขึ้นอยู่กับเฟสของ 2 สัญญาณ จึงสามารถมีผลเป็น 2 เท่า หรือหักล้างกันกับสัญญาณที่เราสนใจ การใช้ชีลด์แม่เหล็กอย่างมีประสิทธิผลและการแยกระหว่างแหล่งความผิดพลาดกับวงจรที่ได้รับผลกระทบ สิ่งนี้จะลดหรือขจัดการรบกวนดังกล่าว
       แหล่งกำเนิดการรบกวนทางแม่เหล็กธรรมดำทั่วไป คือ หม้อแปลงไฟฟ้าที่มีการคับปลิ้งกันหลวม ๆ ระหว่างขดลวดปฐมและทุติยะ โดยส่วนใหญ่แล้วสัญญาณรบกวนจะถูกเหนี่ยวนำ (รับขึ้นมา) ในวงรอบวงจรที่ขัดขวางสนามแม่เหล็กที่แปรเปลี่ยนตามเวลา รูปที่ 1 แสดงการตรวจจับสนามแม่เหล็กด้วยวงรอบที่ฟอร์มตัวด้วยเส้นสายไฟที่ต่อกับแหล่งที่จะทำการวัดเข้ากับโวลต์มิเตอร์กระแสสลับกระแสไฟฟ้าเหนี่ยวนำจะไหลผ่านขำเข้าตัวมิเตอร์ และเป็นเหตุของความผิดพลาดในการวัด ขนาดของกระแสไฟฟ้าจะเป็นสัดส่วนกับความหนำแน่นของสนามแม่เหล็ก และวงรอบของการเหนี่ยวนำ


รูปที่ 1 แสดงการรับ (pick up) อำนาจแม่เหล็ก

การรับผล (pick up) อำนาจแม่เหล็กให้น้อยสุด

                มีวิธีพื้นฐาน 2 วิธีในการลดการรับอำนาจแม่เหล็ก คือ ลดพื้นที่วงรอบการรับสนามแม่เหล็ก และการลดความเข้มสนามแม่เหล็กในกำรออกแบบเครื่องมือวัดชนิดเที่ยงตรงสูงนั้น จำเป็นต้องพิจารณาการปิดล้อมพื้นที่วงรอบสัญญาณต่ำและไวต่อสัญญาณ การวางผังลำยวงจรบนแผ่นวงจรอย่างระมัดระวังจะเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดการรับการคับปลิ้งสนามแม่เหล็ก การมีลำยวงจรแต่ละด้านหรือบนด้านข้างของแผงวงจรจะเป็นการสร้างพื้นที่วงรอบขนาดเล็กขึ้น ความเข้มของเส้นแรงแม่เหล็ก (flux density) จะลดลงอย่างรวดเร็วตามระยะทางจากต้นกำเนิด ดังนั้น ให้วางตำแหน่งของหม้อแปลงไฟฟ้ากำลังและแหล่งกำเนิดสัญญาณอื่น ๆ ให้ไกลจากวงจรที่ไวต่อสัญญาณเท่าที่จะเป็นไปได้ก็จะเป็นการลดการรับสนามแม่เหล็กได้ บางครั้งการหมุนตัวหม้อแปลงไฟฟ้าก็ช่วยลดการได้รับสัญญาณแม่เหล็ก เพราะการรับจะถูกจำกัดต่อสนามแม่เหล็กที่ตั้งฉากกับวงรอบ ควรระมัดระวังในการวางซ้อนเครื่องมือวัดกัน ดังรูปที่ 2 เพื่อมิให้แหล่งกำเนิดสัญญาณแม่เหล็กรบกวนจากเครื่องมือวัดตัวหนึ่งอยู่ใกล้กับวงจรวัดไวสัญญาณของอีกเครื่องหนึ่ง เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์บางชนิดจะเปล่งสัญญาณแม่เหล็กรบกวนออกมามากจนกระทั่งไม่สามารถนำมาใช้ใกล้เครื่องมือวัดหรือแหล่งจ่ายสัญญาณความเที่ยงตรงสูง

รูปที่ 2 แสดงการจัดวางเครื่องมือวัดที่ไม่เหมาะสม

                เมื่อใช้สายวัด (test leads) วิธีที่ดีที่สุดที่จะลดการรับอำนาจสนามแม่เหล็ก คือ การใช้สายวัดที่บิดตีเกลียว (twist) เข้าด้วยกัน ดังรูปที่ 3 วิธีนี้ไม่เพียงลดพื้นที่ของวงรอบระหว่างสายให้น้อยที่สุดเท่านั้น แต่ยังทำให้ต่ำแหน่งเส้นแรงแม่เหล็กอยู่ในตำหน่งตรงข้ามกัน ทำให้เกิดการหักล้างกันและกันไป วิธีอื่นในการเชื่อมต่อระหว่าง เครื่องมือวัด คือ การใช้สายชนิดร่วมแกน (coaxial cable) ดังรูปที่ 4 จะช่วยในการต้านและสะท้อนการรับสัญญาณรบกวนทั้งสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า เพราะศูนย์กลางของสายวัดถูกล้อมรอบอย่างสมบูรณ์ด้วยสายชีลด์ภายนอก

เมื่อใช้สายวัด (test leads) วิธีที่ดีที่สุดที่จะลดการรับอำนาจสนามแม่เหล็ก คือ การใช้สายวัดที่บิดตีเกลียว (twist) เข้าด้วยกัน ดังรูปที่ 3 วิธีนี้ไม่เพียงลดพื้นที่ของวงรอบระหว่างสายให้น้อยที่สุดเท่านั้น แต่ยังทำให้ต่ำแหน่งเส้นแรงแม่เหล็กอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกัน ทำให้เกิดการหักล้างกันและกันไป วิธีอื่นในการเชื่อมต่อระหว่าง เครื่องมือวัด คือ การใช้สายชนิดร่วมแกน (coaxial cable) ดังรูปที่ 4 จะช่วยในการต้านและสะท้อนการรับสัญญาณรบกวนทั้งสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า เพราะศูนย์กลางของสายวัดถูกล้อมรอบอย่างสมบูรณ์ด้วยสายชีลด์ภายนอก 


รูปที่ 3 แสดงสายวัดที่บิดตีเกลียว (twist) เข้าด้วยกัน และมีสายชีลด์ของ Pomona
รูปที่ 4 แสดงสายชนิดร่วมแกน (coaxial cable) ของ Pomona

ข้อแนะนำในการปฏิบัติ
1. ถ้าเป็นไปได้ให้ใช้สายวัดชนิดคู่พันกัน (twist pairs) แทนการใช้สายวัดชนิดแยกกัน เพื่อลดการรับสัญญาณแม่เหล็กและลดค่าเหนี่ยวนำอนุกรม (series inductance) ให้มีน้อยที่สุด
2. ใช้สายวัดชนิดร่วมแกน (coaxial cable) เพื่อลดการ รับสัญญาณกวนทั้งชนิดแม่เหล็กและไฟฟ้าสถิตย์ (electrostatic)การต้านและสะท้อนสนามรบกวนโดยการร่วมแกน (coax) มีความสัมพันธ์ทั้งด้านความถี่ของสัญญาณกวนและองศาครอบคลุมของตัวนำภายนอก (degree of coverage of the outer conductor) สายร่วมแกนส่วนใหญ่จะถูกสร้างขึ้นโดยการใช้เส้นลวดละเอียดถักสานเป็นสายตัวนำภายนอกและประสิทธิภาพจะขึ้นอยู่กับการถักสานว่าถี่แน่นเพียงใด เพราะสามารถมีช่องว่างเล็ก ๆ ที่จะลดประสิทธิผลในการต้านสะท้อนการแผ่หรือการคับปลิ้งที่ไม่ต้องการ สายชนิดร่วมแกนหาซื้อใช้ได้ในท้องตลาดที่สามารถครอบคลุมได้ตั้งแต่ 80% ถึง 98% สาย ร่วมแกนบางชนิดใช้ชีลด์แบบแผ่นฟอยล์ (foil shield) ดังรูปที่ 5 แทนการถักทอ เพื่อเพิ่มการครอบคลุมให้ได้ 100%

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น